เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2568 เวลา 18.00 น. มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดงานแสดงความยินดีแด่ผู้ได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ รางวัลพระธาตุพนมทองคำ รางวัลศรีมอดินแดง รางวัลศรีกาลพฤกษ์ และรางวัลกาลพฤกษ์ทองคำ ประจำปีพุทธศักราช 2568 โดยมี ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสุรพล เพชรวรา อุปนายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น และ ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้ได้รับพระราชทานปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (นวัตกรรม เทคโนโลยีและวิทยาการเรียนรู้) ร่วมงาน ท่ามกลางกรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้บริหาร คณบดี ตัวแทนคณะหน่วยงาน นักศึกษา และแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมยินดีอย่างคับคั่ง ณ ห้องออคิดบอลรูม ชั้น 2 โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชาออคิด

บรรยากาศในพิธีครั้งนี้ เริ่มต้นด้วยกิจกรรม Meet and Greet จากนั้นเข้าสู่พิธีการด้วยการฉายวิดีทัศน์เทอดพระเกียรติและแสดงความอาลัย “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ต่อด้วยนายสุรพล  เพชรวรา อุปนายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และกล่าวถึงความสำคัญของรางวัลและคุณูปการของผู้ทำประโยชน์ต่อสาธารณะ

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า “วันนี้เราทุกคนมาร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จอันโดดเด่นของบุคคลและองค์กรที่ได้สร้างคุณูปการอันสำคัญให้กับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ชุมชน และสังคม มหาวิทยาลัยขอนแก่นมอบรางวัลอันทรงเกียรติหลายรางวัลเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติสำหรับความทุ่มเทในการสร้างผลงานของคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา รวมถึงยกย่องและขอบคุณบุคคลหรือองค์กรที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยร่วมกับชาวมหาวิทยาลัยขอนแก่น”

รางวัลศรีมอดินแดง มอบให้กับบุคลากร มข. ที่มีผลงานโดดเด่น ทั้งสายวิชาการและสายสนับสนุน โดย ศ.ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา สายวิชาการ มีความเชี่ยวชาญด้านพันธุศาสตร์และการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ เป็นผู้บุกเบิกนำเทคนิค BLUP และเทคโนโลยีชีวภาพมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมการเกษตรไทย ได้รับการตีพิมพ์และอ้างอิงในระดับนานาชาติ ส่วน นางเบญจมาศ จันทร์นวล สายสนับสนุน เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาการดูแลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจที่บ้านเป็นท่านแรกของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ นำความรู้ทางวิชาการมาพัฒนางานและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงระบบของโรงพยาบาลอย่างเป็นรูปธรรม

รางวัลศรีกาลพฤกษ์ มอบให้กับ นศ.พ.ณัฐ ตระการไทย นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์ ผู้ที่ครองตน ครองคน ครองงานได้อย่างงดงาม มีความโดดเด่นด้านการพัฒนางานวิจัย ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับนานาชาติ มีความเป็นผู้นำและเป็นต้นแบบของนักศึกษาผู้มีคุณธรรม เข้าร่วมกิจกรรมกับองค์การสหประชาชาติ ขับเคลื่อนนโยบาย SDGs สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งนักศึกษา มข. อย่างสมบูรณ์แบบ

รางวัลกาลพฤกษ์ทองคำ มอบให้กับบุคคลและองค์กรที่ทำงานกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นเพื่อยังประโยชน์ให้กับสังคม ประเภทบุคคล ศ.นพ.ทรงศักดิ์ เกียรติชูสกุล เป็นผู้ริเริ่มนำเทคโนโลยีการรักษาโรคหัวใจแบบไม่ต้องผ่าตัดใหญ่มาใช้ที่ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นแห่งแรก จัดตั้งเครือข่ายส่งต่อผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันเป็นระบบเป็นแห่งแรกของประเทศ ริเริ่มระบบ Home Isolation และโครงการ SMART Hospital ประเภทนิติบุคคล ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร โดดเด่นในบทบาทของศูนย์แม่ข่ายด้านการวิจัย พัฒนา และถ่ายทอดโมเดลการเกษตรยั่งยืน สืบสานแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืน

อธิการบดีกล่าวปิดท้ายว่า “บุคคลและองค์กรที่ได้รับรางวัลในวันนี้ เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของพลังแห่งการศึกษาและการอุทิศตนเพื่อส่วนรวม ทุกท่านสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าอันยิ่งใหญ่ที่บุคคลหนึ่งหรือองค์กรหนึ่งสามารถสร้างสรรค์ได้ต่อสังคมและประเทศชาติ ขอให้เรื่องราวของท่านเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนใช้ศักยภาพของตนอย่างเต็มที่เพื่อสร้างสังคมที่ดีงามและยั่งยืนต่อไป”

ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น ประธานในพิธี กล่าวชื่นชมผู้ได้รับรางวัล โดยได้เชื่อมโยงถึงคำกล่าวอันทรงพลังของ เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล (Sir Winston Churchill) อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษผู้ยิ่งใหญ่ที่ว่า “The empires of the future are the empires of the mind” หรือ “จักรวรรดิแห่งอนาคตคือจักรวรรดิแห่งจิตใจ” ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์อันลึกซึ้งว่า อำนาจและความยิ่งใหญ่ในอนาคตจะไม่ได้วัดกันที่อาณาเขตหรือกำลังทหาร แต่จะวัดกันที่ความรู้ ปัญญา และพลังทางความคิด ซึ่งสอดคล้องกับผู้ได้รับรางวัลในวันนี้ที่ต่างก็ใช้ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และจิตสาธารณะในการสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคม

“ถ้ามีคนทำความดีคล้อยตามกันมากๆ อาณาจักรของคนดี ของผู้เจริญ ก็จะไร้ขอบเขต การจัดงานในวันนี้จึงเป็นตัวอย่างสำคัญในการยกย่องผู้ทำความดี เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นต่อไปเดินตามรอยเท้าของท่านเหล่านี้ ซึ่งเป็นหลักการที่ต้องเผยแพร่ต่อไป ในค่ำคืนนี้ ในนามของสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น ผมขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับการยกย่องทุกท่านที่ได้สร้างสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่าแก่สังคม และเป็นแบบอย่างอันประเสริฐสืบไป”

ต่อจากนั้น นายสลา คุณวุฒิ (ครูสลา) ตัวแทนผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์และรางวัล อันทรงเกียรติในค่ำคืนนี้ ได้ปาฐกถา “ความสำคัญของการยกย่องผู้อุทิศตนเพื่อประโยชน์ของคนอื่นหรือสาธารณะโดยสถาบันอุดมศึกษา” และกล่าวแสดงความรู้สึก โดยได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นในอดีตที่หันมาทำงานด้านการแต่งเพลงว่า “ในวันที่ผมเริ่มต้นเขียนเพลง ผมอาจจะไม่มีความฝันที่งดงามหรูหรา แต่ผมอยากให้ครอบครัวผมปลอดภัยจากความจน ความจนคุกคามครอบครัวผมหนักมาก พี่ชายได้รับอุบัติเหตุ แม่ป่วยเป็นเบาหวาน ผมแต่งงานแล้วเงินเดือนครูไม่สามารถทำให้ครอบครัวปลอดภัยจากความจนได้ ผมจึงแต่งเพลงสู้ แล้ววันหนึ่งเพลง ‘จดหมายผิดซอง’ กระทงหลงทาง ก็ดัง และจากวันนั้นผมก็ถูกเชิญจากจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ให้ไปเป็นครูบ้านนอกที่นั่งอยู่ท่ามกลางนักดนตรีและนักแต่งเพลงในตึกแกรมมี่”

และเมื่อทำงานมาได้ระยะหนึ่ง ครูสลาได้สังเกตเห็นลักษณะบางอย่างของคนอีสาน จึงมีเป้าหมายเล็กๆ ในใจที่อยากจะแก้ไข พัฒนา และสร้างสรรค์คุณค่าบางอย่างให้กับสังคม จึงเป็นที่มาของการสอดแทรกข้อคิดในบทเพลง ครูสลากล่าวว่า “ในเส้นทางการเป็นนักแต่งเพลงของผม ผมมองเห็นความเป็นอีสานที่เป็นจุดอ่อนอยู่อย่างน้อย 4 อย่าง หนึ่ง ไม่กล้าแสดงตัวตนว่าเราเป็นใคร สอง เมื่อใครได้ดีมักจะอิจฉากัน สาม อยากได้อยากดีจนลืมฮีตคองประเพณีของตัวเอง สี่ มักจะหวังพึ่งคนอื่น รอการช่วยเหลือจากผู้อื่น ผมจึงตั้งใจเขียนเป็นอุดมการณ์ว่า ถ้าผมเขียนเพลง ผมอยากจะมีโอกาสเติมอะไรก็ได้ที่มันจะทำให้แก้ปัญหา 4 ข้อนี้ และนำมาสู่การสร้างสรรค์ในหลายๆ บทเพลง” สิ่งเหล่านี้จึงถูกสอดแทรกอยู่ในบทเพลงของ ครูสลามาโดยตลอด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้ผลงานของท่านไม่เพียงแต่ได้รับความนิยม สร้างชื่อเสียงให้แก่นักร้อง แต่ยังมีเนื้อหาสร้างสรรค์ หล่อเลี้ยงจิตใจลูกอีสาน และมีความอมตะจนกลายเป็นงานศิลปะและวรรณกรรมเพลงที่มีคุณค่าสืบทอดมานานนับทศวรรษ

นายสุทธิพงษ์ สุริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขาบสไตล์ จำกัด ผู้ได้รับรางวัลพระธาตุพนมทองคำ เปิดเผยว่า “ถึงแม้ว่าเราไปอยู่ที่ไหนก็ตาม ถึงจะมีสปอร์ตไลท์กี่ร้อยดวงส่องมา แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องไม่ลืมตัวตนว่าเราคือคนอีสาน สิ่งเหล่านี้ต้องสะท้อนออกมาในหลายบริบท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร การสวมใส่ผ้าโสร่ง ล้วนบอกตัวตนที่เราภาคภูมิใจ ถ้าเราไม่ภาคภูมิใจในตัวเอง เราจะไปบอกคนอื่นให้ภาคภูมิใจในเราได้อย่างไร ฉะนั้นจงศรัทธาตัวเราก่อน”

“การได้รับรางวัลพระธาตุพนมทองคำครั้งนี้ มีความหมายอย่างยิ่งในครั้งหนึ่ง ของชีวิต เฉกเช่นการได้รับรางวัลระดับโลก เพราะเป็นรางวัลของคนอีสานที่มอบให้กับคนที่ทำงานด้วยจิตสาธารณะ ทำงานเพื่อคนอื่น การที่ มข. ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเบอร์หนึ่งของคนอีสาน ค้นเจอและมอบเกียรติคุณให้ มันพิสูจน์ว่าคนอีสานยอมรับพี่ เพราะในอดีตคนอีสานมักจะไม่ยอมรับคนของเราเอง เราจึงต้องไปสร้างชื่อที่เมืองนอกก่อน แต่วันนี้มันบอกคำตอบว่า เราสามารถสร้างการยอมรับจากคนในพื้นที่ของเราเองได้ พี่ทำงานมาตั้งแต่บึงกาฬ ซึ่งเป็นจังหวัดล่าสุดและห่างไกล แต่เราสร้างสิ่งนี้ให้เป็นรูปธรรม มีตลาดชัดเจน มีเครือข่ายที่สามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ นี่คือบทพิสูจน์ว่า เราต้องพึ่งพาตัวเราให้ได้ เมื่อเราพึ่งพาตัวเองได้ ศรัทธาและความภาคภูมิใจก็จะเกิดขึ้น และเราก็จะรู้สึกว่านี่แหละคือเรา มีเกียรติและมีศักดิ์ศรี คนอีสานต้องยึดหลักการนี้”

รายนามผู้ได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

• สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (วิทยาศาสตร์ การเกษตรและสิ่งแวดล้อม)
• ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (นวัตกรรม เทคโนโลยีและวิทยาการเรียนรู้)
• นายสลา คุณวุฒิ ปริญญาดุริยางคศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ดุริยางคศิลป์)

รายนามผู้ได้รับรางวัลพระธาตุพนมทองคำ

• นายสุทธิพงษ์ สุริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขาบสไตล์ จำกัด

รายนามรางวัลศรีมอดินแดง

• ศาสตราจารย์ ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา คณะเกษตรศาสตร์ (บุคลากรสายวิชาการ)
• นางเบญจมาศ จันทร์นวล คณะแพทยศาสตร์ (บุคลากรสายสนับสนุน)

รายนามรางวัลศรีกาลพฤกษ์

• นศ.พ.ณัฐ ตระการไทย นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์

รายนามผู้รับรางวัลกาลพฤกษ์ทองคำ

• ศาสตราจารย์ นพ.ทรงศักดิ์ เกียรติชูสกุล (ประเภทบุคคล)
• ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร (นายสรรัตน์ ปวริญญานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ) (ประเภทนิติบุคคล)

การจัดงาน KKU Honor Night 2025 ครั้งนี้ สะท้อนถึงพันธกิจสำคัญของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของภูมิภาคที่มุ่งมั่นสร้างคุณค่าและยกย่องผู้ที่อุทิศตนเพื่อสังคม เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกและสร้างแบบอย่างที่ดีในการทำงานเพื่อส่วนรวม ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยให้เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป

ชมภาพบรรยากาศเพิ่มเติมได้ที่นี่