มหาวิทยาลัยขอนแก่น จับมือเครือข่ายนานาชาติและองค์กรด้าน MICE และวัฒนธรรม ผลักดันการประชุมวิชาการผ้ามัดหมี่โลก WITS 2025 ชู CEMBEI เป็นกลไกเชิงระบบของเมืองหัตถกรรมโลก พร้อมขยายบทบาทศูนย์ความเป็นเลิศอุตสาหกรรมไมซ์ฯ คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์สู่ผู้ทรงอิทธิพลด้าน MICE และสิ่งทอ รวมถึง Creative Exhibition ของภูมิภาค
งาน World Ikat Textiles Symposium 2025 (WITS 2025) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ อวานี คอนเวนชั่น ฮอลล์ 3 โรงแรมอวานี, อำเภอชนบท และงานเทศกาลไหมนานาชาติ จังหวัดขอนแก่น ไม่ได้เป็นเพียงอีเวนต์ด้านวัฒนธรรม หากแต่เป็น “เวทีปฏิบัติการเชิงวิชาการ” ที่สะท้อนความพร้อมของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในการพัฒนาระบบนิเวศแห่งความรู้ด้านผ้ามัดหมี่ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และไมซ์ในภูมิภาคอีสาน ขณะเดียวกันยังเป็นตัวอย่างสำคัญของบทบาทมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานวัฒนธรรม (Cultural-based Creative Economy) โดยอาศัยองค์ความรู้ งานวิจัย และเครือข่ายนานาชาติในการยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่เวทีโลกอย่างเป็นระบบ

WITS 2025 กลไกยกระดับองค์ความรู้ผ้ามัดหมี่สู่สากล
ผศ.ดร.ดลฤทัย โกวรรธนะกุล ผู้อำนวยการ CEMBEI ผู้ก่อตั้งศูนย์วิจัยและเขียนเอกสารยื่นเสนอขอนแก่น สู่การเป็นเมืองหัตถกรรมโลกแห่งผ้ามัดหมี่ ผู้ผลักดันนโยบายผ้ามัดหมี่ ตั้งแต่ปี 2561 และอุตสาหกรรม MICE ของจังหวัดขอนแก่น อธิบายไว้อย่างน่าสนใจว่า การที่จังหวัดขอนแก่นได้รับการรับรองให้เป็น “World Craft City for Ikat – Mudmee” ตั้งแต่ปี 2561 ถือเป็นฐานทุนทางวัฒนธรรมที่ทรงพลัง แต่การรักษาและต่อยอดสถานะนี้จำเป็นต้องมีระบบความรู้ที่ลึกกว่าการจัดแสดงผลงานหรือการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม WITS 2025 จึงเป็นเวทีสำคัญที่รวมตัวนักวิชาการด้านสิ่งทอ นักออกแบบ ช่างทอ และภาคอุตสาหกรรมผ้า เพื่อถอดรหัส “ผ้ามัดหมี่อีสาน” ทั้งในเชิงศิลปะ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้เชิงพาณิชย์ในบริบทสร้างสรรค์ร่วมสมัย
CEMBEI ระบบนิเวศวิชาการสำหรับเมืองหัตถกรรมโลกและอุตสาหกรรมไมซ์
ผศ.ดร.ดลฤทัย อธิบายเพิ่มเติมว่า CEMBEI ย่อมาจาก Center of Excellence in MICE and Business Event Industry (ศูนย์ความเป็นเลิศอุตสาหกรรมไมซ์และอีเว้นท์เชิงธุรกิจ) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (KKBS) มีหน้าที่หลักในการพัฒนาองค์ความรู้ วิจัย และสร้างเครือข่ายเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE (Meetings, Incentives, Conventions, Exhibitions) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมท้องถิ่น เช่น ผ้าไหมไทย สู่ตลาดโลก บทบาทของ ศูนย์ความเป็นเลิศอุตสาหกรรมไมซ์ (CEMBEI) ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับการจัดงานระดับนานาชาติ แต่เป็นการพัฒนา “โครงสร้างความรู้” (Knowledge Infrastructure) ที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนจังหวัดขอนแก่นให้เป็นเมืองศูนย์กลางไมซ์ (MICE City) ที่มีอัตลักษณ์เชิงวัฒนธรรมเป็นจุดขายสำคัญ
ซึ่ง CEMBEI ทำหน้าที่หลายมิติ ได้แก่ การเชื่อมโยงผ้ามัดหมี่กับ WCC, TCEB, CEA และเครือข่ายวิชาการระดับโลก, การขยายมิติ “วิจัยสู่การใช้งาน” ในระดับนโยบาย วัฒนธรรม และธุรกิจ, การสร้างพื้นที่เรียนรู้จริงให้แก่นักศึกษาด้านไมซ์ ผ่านการทำงานในงานระดับนานาชาติ, การวางระบบนิเวศสำหรับ Micro-cluster ของผ้ามัดหมี่–การออกแบบ–ไมซ์
สิ่งเหล่านี้สะท้อนบทบาทมหาวิทยาลัยสมัยใหม่ที่ไม่ได้ผลิตงานวิชาการเพียงเพื่อการตีพิมพ์ แต่เพื่อสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และอัตลักษณ์ของเมือง (Societal Impact-driven University)
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์: ศูนย์กลางนิทรรศการสร้างสรรค์แห่งอีสาน
WITS 2025 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ รับบทเป็น Co-host และผู้นำด้าน Creative Exhibition ผ่านนิทรรศการ “DECODE: The Aesthetic Codes of Isan Ikat” ซึ่งมีความสำคัญเชิงวิชาการในหลายมิติ ได้แก่ การสร้าง “ภาษาการออกแบบร่วมสมัย” ของผ้ามัดหมี่, การนำข้อมูลมาทำ Visualization และ Curatorial Design อย่างเป็นระบบ, การเปิดพื้นที่สนทนาระหว่างช่างทอ–นักออกแบบ–นักวิชาการ, การตั้งสมมติฐานใหม่เกี่ยวกับความงามและรหัสลักษณ์ (Aesthetic Codes) ของสิ่งทออีสาน
แนวทางนี้ทำให้ผ้ามัดหมี่ไม่ใช่เพียงสินค้าหัตถกรรม หากแต่เป็นองค์ความรู้ที่สามารถตีความใหม่ในอุตสาหกรรมแฟชั่น งานออกแบบ และศิลปะร่วมสมัย
โดยแนวคิดหลักของงานปีนี้ คือ “Weaving Heritage into Sustainable Futures” วางผ้ามัดหมี่เป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมโยงระหว่างภูมิปัญญาและอนาคต โดยเฉพาะในประเด็น ความยั่งยืนด้านวัตถุดิบและสิ่งแวดล้อม, ความมั่นคงของภูมิปัญญาช่างทอ, โมเดลธุรกิจที่เป็นธรรมสำหรับช่างทอและชุมชน, การสร้างนวัตกรรมด้านสิ่งทอและดีไซน์ นับเป็นกรอบความคิดที่สอดคล้องกับ SDGs หลายข้อ เช่น SDG 11, SDG 12 และ SDG 17
นักศึกษา KKBS กับบทบาท “ผู้ปฏิบัติการไมซ์มืออาชีพ”
ในเชิงวิชาการ นี่คือโมเดลการเรียนรู้แบบ Experiential Learning อย่างแท้จริง นักศึกษาได้ปฏิบัติงานจริงในตำแหน่งต่าง ๆ ตั้งแต่ Speaker Assistant, ฝ่ายพิธีการ, ฝ่ายลงทะเบียน ไปจนถึงฝ่ายให้ข้อมูลบูธนิทรรศการ ซึ่งสะท้อนทักษะที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมไมซ์ยุคใหม่ อาทิ MICE Operation, Protocol & Communication, International Coordination, Exhibition Management, Research-informed MICE
นี่คือแนวทางผลิตบุคลากรที่มีทั้งความรู้เชิงทฤษฎีและประสบการณ์เชิงปฏิบัติ ซึ่งเป็นความต้องการสูงในตลาดไมซ์ระดับอาเซียน
ขอนแก่นกับการผงาดขึ้นเป็นศูนย์กลาง Creative–MICE ของภูมิภาค
ผศ.ดร.ดลฤทัย วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า เมื่อพิจารณาในระดับภูมิภาค ความสำเร็จของ WITS 2025 ชี้ให้เห็นว่า จังหวัดขอนแก่นกำลังเคลื่อนจาก “เมือง MICE” ร่วมกับการเป็น “เมืองความรู้และเศรษฐกิจสร้างสรรค์” โดยมีมหาวิทยาลัยเป็นแกนกลาง (University as Core Ecosystem Driver) ความร่วมมือของ CEMBEI คณะสถาปัตย์ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชนองค์กรนานาชาติ จึงเป็นโมเดลการพัฒนาเมืองที่ผสานวัฒนธรรม วิจัย การออกแบบ และไมซ์เข้าด้วยกัน
สรุปได้ว่า WITS 2025 ไม่ใช่เพียงงานประชุม แต่เป็น “พื้นที่ทดลองอนาคต” ที่เชื่อมองค์ความรู้ ภูมิปัญญา เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เข้าด้วยกัน มหาวิทยาลัยขอนแก่นจึงทำหน้าที่มากกว่าองค์กรการศึกษา แต่คือสถาบันผู้สร้างระบบนิเวศเพื่อความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของภูมิภาคผ่านอุตสาหกรรมไมซ์ พร้อมนำพาขอนแก่นก้าวสู่เวทีโลกในฐานะเมืองศูนย์กลางผ้ามัดหมี่–การออกแบบ–และไมซ์ ผศ.ดร.ดลฤทัย กล่าวในตอนท้าย
ข่าว : เบญจมาภรณ์ มามุข
ภาพ : ผศ.ดร.ดลฤทัย โกวรรธนะกุล ผู้อำนวยการ CEMBEI / คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มข.















