“คลิปหญิงต่อว่าเจ้าหน้าที่” กลายเป็นไวรัลไปทั่วสังคมออนไลน์ ไม่ต่างจาก “คลิปชายแบกช้างกลางถนน” ที่ถูกส่งต่อทั้งในโซเชียลไปจนถึงการนำเสนอข่าว กลายเป็นภาพสะท้อนการสร้างข่าวปลอมด้วย AI ที่อยู่ใกล้ตัวทุกคนเพียงหน้าจอโทรศัพท์และปลายนิ้ว วันนี้ (14 พฤศจิกายน 2568) มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชวนมองปรากฏการณ์ข่าวปลอมจาก AI ที่กำลังระบาดกับ ดร.วันวิสาข์ วรรณพิพัฒน์ อาจารย์ประจำหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีสื่อสร้างสรรค์ (Creative Media Technology: CMT) วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้มีการเกิดข่าวปลอมเพิ่มขึ้นถึง 400% ซึ่ง AI ถือเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น ด้วย 3 ปัจจัย คือ 1.เทคโนโลยีที่เข้าถึงและใช้งานได้ง่ายมากขึ้น 2.เทคโนโลยี AI มีการพัฒนาคุณภาพให้สมจริงมากยิ่งขึ้น และ 3.การเปลี่ยนยุคจากสื่อเก่าสู่สื่อใหม่ที่ผู้รับสารเป็นผู้ส่งสารได้จนนำไปสู่การแพร่กระจายของข่าวปลอมเป็นวงกว้าง

ดร.วันวิสาข์ มองว่า ปัจจุบันข่าวปลอมไม่ได้เป็นเพียงข้อความ แต่กลับเป็นกระบวนการเคลื่อนไหลของข้อมูลที่ส่งผลกระทบต่อผู้รับสาร โดยเฉพาะการสร้างภาพด้วย AI ที่ใช้เวลาเพียงไม่ถึงนาทีก็สามารถสร้างภาพที่ปรับแต่งรูปแบบได้มากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลมาก เพราะเป็นปัจจัยที่ทำให้ข่าวปลอมสมจริงมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันใคร ๆ ก็สามารถสร้างคลิปวิดีโอจาก AI ได้ซึ่งทำให้ผู้รับสารมีความรู้สึกร่วมมากขึ้น (Personalized AI) และกำลังพัฒนาไปสู่การหลอกประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์ได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งข่าวปลอมประเภทนี้ยังสามารถผลิตออกมาได้เป็นจำนวนมาก (Mass Production) เมื่อมีผู้ส่งสารเพียง 1 คน กลับสามารถกระจายไปได้เป็นร้อยเป็นพันอย่างไม่จำกัด
ทำไมผู้คนยังหลงเชื่อข่าวปลอมจาก AI
ดร.วันวิสาข์ แสดงความคิดเห็นว่า หากมองในเลนส์ของทฤษฎีการสื่อสาร ในอดีตจะมีสื่อ ผู้ส่งสาร และผู้รับสารซึ่งเป็นความสัมพันธ์แบบเส้นตรง แต่เมื่อมีโซเชียลมีเดียเข้ามาทำให้ผู้รับสารสามารถเป็นผู้ส่งสารได้เช่นกันจนเกิดเป็นความสัมพันธ์แบบวงกลมแทน และด้วยเหตุนี้ส่งผลให้ข่าวปลอมที่สร้างจาก AI เข้าถึงผู้คนได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
ในด้านจิตวิทยาพบว่า ข่าวปลอมจาก AI กำลังสร้างทางลัดทางความคิดให้ผู้รับสาร กล่าวคือ เมื่อความสมจริงของ AI เพิ่มมากขึ้น ความสงสัยของมนุษย์ก็จะลดน้อยลง และตัดสินใจแชร์ต่อทันที จึงทำให้ “คลิปหญิงต่อว่าเจ้าหน้าที่” หรือ “คลิปชายแบกช้างกลางถนน” กลายเป็นกระแสไวรัลและมีการแชร์ต่อนับหมื่นครั้ง

4 เทคนิคสังเกตข่าวปลอมจาก AI สู่การ “หยุด สงสัย ตรวจสอบ” ก่อนแชร์ข่าวปลอม
ดร.วันวิสาข์ ยังได้แนะนำเทคนิคการสังเกตข่าวปลอมจาก AI โดยเฉพาะคลิปวิดีโอและภาพที่ถูกสร้างขึ้นว่า มีเทคนิคการสังเกตเบื้องต้น 4 ข้อ ดังนี้ 1.สังเกตแววตาของบุคคลในคลิป หากไม่มีแววตาแสดงว่าเป็นคลิปที่ถูกสร้างขึ้นด้วย AI 2.การเคลื่อนไหวของมือ เท้า และเส้นผมที่ไม่เป็นธรรมชาติ 3.การเคลื่อนไหวของริมฝีปากที่ผิดปกติ และ 4.ตัวหนังสือในคลิปหรือในภาพที่อาจจะมีการสะกดผิด สลับตัวอักษร ตลอดจนรูปแบบฟอนต์ที่บิดเบี้ยวไม่ปกติ อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตเหล่านี้ยังสามารถใช้ได้ในปัจจุบัน แต่ใน3-5 ปีข้างหน้าที่ AI ได้รับการฝึกฝนเพิ่มมากขึ้นก็อาจจะทำให้ทั้ง 4 ข้อนี้สมจริงมากยิ่งขึ้นได้ในอนาคต
นอกจากการสังเกต 4 ข้อนี้แล้ว อยากฝากให้ทุกคน “หยุด สงสัย ตรวจสอบ” เมื่อเห็นสื่อขอให้หยุดก่อน อย่าเพิ่งแชร์ทันที จากนั้นให้พิจารณาด้วยความสงสัยหรือเอ๊ะ และตรวจสอบด้วยเครื่องมือต่าง ๆ หรือสิ่งที่ง่ายที่สุด คือ ถามคนรอบข้างให้ช่วยกันดูว่าสิ่งที่เราดูอยู่เป็นข่าวปลอมจาก AI หรือไม่ เพราะหลายครั้งที่มิจฉาชีพก็ใช้วิธีการสร้างข้อมูลปลอมจาก AI พร้อมเตือนให้กดลิงก์หลอกลวงด้วยข้อความที่เล่นกับความรู้สึกกับมนุษย์มากขึ้น นั่นคือการทำให้เกิดความกลัว ความสนใจ หรือความอยากได้ เพราะฉะนั้น 3 คำสำคัญนี้จะช่วยลดอันตรายของข่าวปลอมจาก AI ได้ค่ะ

ในอนาคต 3-5 ปี เทคโนโลยี AI จะส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างไร ?
เมื่อเทคโนโลยี AI มีการพัฒนามากยิ่งขึ้น ในอนาคต ดร.วันวิสาข์ มองว่า สังคมจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ด้านการศึกษานั้นจะได้รับผลกระทบในด้านดี เพราะนักศึกษาจะได้รับการเรียนรู้และฝึกฝนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขณะที่ด้านการสื่อสารมวลชนเองเทคโนโลยีก็มีส่วนสำคัญในการช่วยกระจายข่าวสารเป็นวงกว้างให้เข้าถึงผู้คนและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ขณะที่อีกด้านข่าวปลอมต่าง ๆ ก็จะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยในอนาคตอาจจะได้เห็นปรากฏการณ์ที่มีการใช้ข่าวปลอมเป็นเครื่องมือทางการเมืองและเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ แต่สุดท้ายแล้วก็จะมีเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาตรวจสอบข่าวปลอมเช่นเดียวกัน จึงมองว่าในอนาคตจะมีสื่อที่ผ่านการตรวจสอบ (Verified Media) ให้ผู้คนได้เลือกรับสารอย่างถูกต้อง ขณะเดียวกันก็จะมีหน่วยงานหรือแม้แต่สำนักข่าวมาช่วยตรวจสอบเนื้อหาที่สร้างจาก AI เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับปัจจุบันที่มีหลายองค์กรเข้ามาตรวจสอบข่าวปลอมนั่นเอง
เมื่อก่อนเรามีเครื่องมือสำหรับตรวจสอบการคัดลอกข้อมูลหรือการทำซ้ำ แต่ตอนนี้ก็มีเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบได้เช่นกันว่ามีข้อมูลทำซ้ำจาก AI หรือสร้างจาก AI หรือไม่ สามารถค้นหาบนอินเทอร์เน็ตได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ ความตระหนักและรู้เท่าทันของผู้ใช้งานหรือมนุษย์ เช็กให้ชัวร์ก่อนแชร์ เพื่อให้ทุกคนสามารถอยู่ในยุคข่าวปลอมจาก AI ระบาดได้อย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ ดร.วันวิสาข์ ทิ้งท้ายว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นสถาบันการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับการปรับการเรียนการสอนให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยอยู่เสมอ ในส่วนของรายวิชา Digital Information Literacy วิชา Digital Technology Communication และวิชา Advanced Multimedia Production ที่รับผิดชอบอยู่นั้น ก็มีการปรับเนื้อหาให้นักศึกษาได้นำ AI มาใช้ในการสร้างสรรค์ภาพ สร้างวิดีโอ และงานเขียนทางวิชาการ เพื่อฝึกฝนทักษะการสร้างสื่อด้วยเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการปลูกฝังจริยธรรมการใช้ AI และจริยธรรมทางการสื่อสาร เพื่อปลูกฝังให้เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ เป็นผู้สร้างสื่อที่มีจริยธรรม และเป็นพลเมืองยุคดิจิทัลที่มีทักษะทางเทคโนโลยีรวมถึง AI อย่างมีศักยภาพพร้อมสู่การทำงานในปัจจุบันและอนาคตต่อไป

บทความ : ผานิต ฆาตนาค
ภาพ : ณัฐวุฒิ จารุวงศ์





