มข.-ม.อ.-มช. ผนึกกำลังเดินหน้าความร่วมมือ “3 พลังเพื่อแผ่นดิน” จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ SROI Practitioner รุ่นที่ 1

วันที่ 21 – 22 สิงหาคม 2568 มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายวิสาหกิจและสังคมยั่งยืน พร้อมด้วยผู้บริหารและบุคลากร ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดโครงการ “อบรมเชิงปฏิบัติการ SROI Practitioner ภายใต้ความร่วมมือ 3 พลังเพื่อแผ่นดิน (รุ่นที่ 1)” ณ ห้องประชุมทองกวาว สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรด้านการประเมินผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคม และยกระดับมาตรฐานการประเมินคุณค่าทางสังคม (Social Return on Investment: SROI)

ศาสตราจารย์ ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายวิสาหกิจและสังคมยั่งยืน มหาวิทยาัลยขอนแก่น

พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ปฏิบัติ ดร.ชรินทร์ เตชะพันธุ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับและย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่าง 3 มหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนการประเมิน SROI พร้อมด้วย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สัญชัย จตุรสิทธา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่กล่าวถึงที่มาและการขยายผล “SROI Platform” เพื่อยกระดับมาตรฐานการประเมินคุณค่าทางสังคมสู่ระดับประเทศ

ศาสตราจารย์ปฏิบัติ ดร.ชรินทร์ เตชะพันธุ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สัญชัย จตุรสิทธา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ตลอดการจัดกิจกรรมทั้งสองวัน ผู้เข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้ทั้งหลักการและกระบวนการประเมิน SROI ตั้งแต่การกำหนดขอบเขต การระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การวิเคราะห์ผลลัพธ์ การกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายผลกระทบ ไปจนถึงการคำนวณมูลค่าผลกระทบทางสังคม โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญร่วมจากหลากหลายสาขา นอกจากนี้ยังมีการทดลองใช้งาน SROI Platform ที่เกิดจากความร่วมมือของทั้ง 3 มหาวิทยาลัย และยังมีการแลกเปลี่ยนกรณีศึกษาโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ด้านเศรษฐศาสตร์และการประเมินผล เพื่อเป็นองค์ความรู้ที่สามารถนำไปปรับใช้ในระดับชุมชนและองค์กรได้จริง

 

ความร่วมมือจากทั้ง 3 มหาวิทยาลัย มีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะด้านการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพ (SDG 4) การสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานที่มีคุณค่า (SDG 8) การลดความเหลื่อมล้ำ (SDG 10) การสร้างระบบบริหารจัดการที่โปร่งใสและมีมาตรฐาน (SDG 16) และการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วน (SDG 17) ซึ่งล้วนเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับประเทศ โดย มข.-ม.อ.-มช. ให้ความสำคัญกับการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมครอบคลุมในทุกระดับ ผลลัพธ์ในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับกระบวนการประเมินผลให้เป็นระบบ และสามารถนำไปต่อยอดใช้ในเชิงนโยบายและการพัฒนาได้อย่างเป็นรูปธรรม อันจะส่งผลเชิงบวกต่อสังคมไทยอย่างยั่งยืนในระยะยาว

Scroll to Top