ที่แรกของไทย! นักวิจัย มข.และทีมร่วมพัฒนา “ผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกในการควบคุมไส้เดือนฝอยรากปม” เพิ่มผลผลิตช่วย “เกษตรกรปลูกพริก” สู้ศัตรูพืชแบบปลอดภัย-ไร้สารเคมี

นอกจากสภาพอากาศที่แปรปรวนแล้ว อีกสิ่งที่เกษตรกรต้องต่อสู้เพื่อผลผลิตที่ดูแลมาโดยตลอด คือ ศัตรูพืช ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ “ไส้เดือนฝอยรากปม” กลายเป็นศัตรูพืชที่สร้างผลกระทบให้เกษตรกรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ปลูกพริกและอาวุธหนึ่งที่เกษตรกรเลือกจะกำจัดมันคือสารเคมี แต่วันนี้นักวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้คิดค้น “ผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกในการควบคุมไส้เดือนฝอยรากปม” ตัวช่วยเกษตรกรกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

“ไส้เดือนฝอยเป็นศัตรูพืชที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรทำให้เกิดโรครากปมและกำลังแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ ปัจจุบันมีการแก้ปัญหาด้วยสารเคมีนั้นพบว่ากลุ่มของยาฆ่าแมลงเป็นส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้ แต่จะดีไหมถ้ามีผลิตภัณฑ์ที่เป็นอินทรีย์และปลอดภัยต่อทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อมมาใช้แก้ปัญหานี้แทน”

ผศ.ดร.กานต์สิรี จินดาปัณณาพัฒน์ สาขาโรคพืชวิทยา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น บอกเล่าจุดเริ่มต้นของการเป็นที่แรกของไทยในการทำวิจัยและพัฒนา “ผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกในการควบคุมไส้เดือนฝอยรากปม” ได้สำเร็จ พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อไส้เดือนฝอยเข้ามาโจมตีรากของพืชผลจะส่งผลให้รากเกิดเป็นปมจนไม่สามารถดูดซึมน้ำและสารอาหารได้อย่างเต็มที่จนทำให้ใบเหลืองและต้นแคระแกร็น ส่งผลต่อผลผลิตที่ลดลง กระทบรายได้เกษตรกรเป็นห่วงโซ่


“ปัจจุบันไส้เดือนฝอยรากปมที่ระบาดหนักต่อเนื่อง คือ Meloidogyne enterolobii ซึ่งเป็นชนิดที่แพร่ระบาดได้ทั้งพื้นที่เขตร้อนและเขตกึ่งร้อนเบื้องต้น พบทั้งในพริก มะเขือเทศ หัวหอม ไปจนถึงไม้ยืนต้น เช่น ฝรั่ง หม่อน และ พริกไทย โดยพบการรายงานปัญหาในหลายพื้นที่ตั้งแต่อุบลราชธานี ศรีสะเกษ รวมถึงขอนแก่นด้วยเช่นกัน ทำให้มีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องไม่เพียงเฉพาะในประเทศไทยแต่ได้รับความสนใจไปทั่วโลก”

เมื่อเล็งเห็นถึงปัญหาแล้ว ทางทีมวิจัยภายใต้ทุน สวก.จึงได้นำ “หญ้าแฝก”หญ้าอนุรักษ์ดินและน้ำในโครงการพระราชดำริ มาศึกษาร่วมกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้  โดยการศึกษาสารสำคัญอย่าง Phenolic Content ในใบหญ้าแฝกเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ ก่อนจะนำมาทดลองกับไส้เดือนฝอยซึ่งศึกษาร่วมกันกับผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อได้ผลการศึกษาวิจัยต่าง ๆ มาแล้วก็นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่นและมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ขณะที่ รศ.ดร. ดวงกมล ศักดิ์เลิศสกุล สาขาวิชาเทคโนโลยีเภสัชกรรม  คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้ร่วมวิจัย เปิดเผยว่า ในเฟสแรกทีมวิจัยได้มีการนำใบหญ้าแฝกไปต้มเพื่อนำน้ำมาฉีดพ่นให้กับพืชผลเลย แต่พบจุดอ่อนว่า ต้องใช้หญ้าแฝกและน้ำในปริมาณมาก รวมทั้งมีอุปสรรคด้านการเก็บรักษา จึงได้มีการพัฒนา “ผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกในการควบคุมไส้เดือนฝอยรากปม สูตรที่ 1” ขึ้น โดยควบคุมคุณภาพและมาตรฐานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่นำใบหญ้าแฝกมาต้ม ก่อนจะระเหยน้ำออก และนำเข้าสู่เครื่องอบแห้งแบบพ่นฝอย (Spray dryer) จนนำมาสู่ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบผงละลายน้ำที่เกษตรกรสามารถใช้งานได้เอง เพียงแค่ใช้ผลิตภัณฑ์ 1 ซอง (50 กรัม) ผสมน้ำ 1 ลิตร ฉีดพ่นโคนต้นพริกที่มีอายุมากกว่า 1 เดือนได้ถึง 200 ต้น โดยสามารถฉีดรอบรากได้ทุก 3 สัปดาห์ เพื่อกำจัดและป้องกันไส้เดือนฝอยรากปม

“งานวิจัยของเราทดสอบทั้งในระบบปฏิบัติการ ต่อด้วย Green House และลงแปลงเกษตรกรจริงที่ตำบลซำสูง เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลูกพริกของขอนแก่น โดยทดสอบกับพื้นที่ 3 แปลงในต่างหมู่บ้าน  เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ในดินที่แตกต่างกัน ซึ่งฟีดแบ็กจากเกษตรกรเป็นไปในทิศทางที่ดี มีผลิตผลเพิ่มมากขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ต่อมาทีมวิจัยได้พัฒนา  “ผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกในการควบคุมไส้เดือนฝอยรากปม สูตรที่ 2” สูตรรองก้นหลุม ชนิดผงปลดปล่อยสารช้า (Slow Release Product) โดยสามารถใช้งาน 1 ซอง (2 กรัม) ใช้รองก้นหลุมพร้อมปลูกสำหรับต้นพริก 2 ต้น หรือ 1 ช้อนชาต่อหลุมปลูก เพื่อควบคุมและป้องกันการเข้าทำลายของไส้เดือนฝอยรากปมได้ประมาณ 1 เดือนหลังการย้ายปลูก

“สำหรับสูตรที่ 2 นี้ จะช่วยยืดระยะคลุมรากให้มากขึ้น ปริมาณการใช้ลดลง ลดความถี่ในการใช้งานผลิตภัณฑ์น้อยลงเฉลี่ย 30 วันจึงจะใช้ 1 ครั้ง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนของเกษตรกรลงไปได้ด้วย ทำให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ของเรามีคุณภาพและได้รับการรับรองความปลอดภัยจากสถานสัตว์ทดลองเพื่อการวิจัย มหาวิทยาลัยนเรศวร

อย่างไรก็ตาม ผศ.ดร.กานต์สิรี ทิ้งท้ายว่า ในอนาคต “ผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกในการควบคุมไส้เดือนฝอยรากปม” จะมีการพัฒนาต่อยอดการใช้งานทั้งปริมาณและประสิทธิภาพในพืชผลอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะเมล่อนที่มีผู้สนใจติดต่อเข้ามาแล้ว ขณะเดียวกันทางทีมวิจัยยังเล็งเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาไปสู่ระดับอุตสาหกรรมเพื่อให้เกษตรกรมีผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยทั้งสำหรับผู้ใช้ พืชผล และสิ่งแวดล้อมที่เข้าถึงได้ทั้งในด้านปริมาณและราคาต่อไปในอนาคต สำหรับผู้ที่สนใจใช้งานหรือร่วมพัฒนาในระดับอุตสาหกรรมสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ผศ.ดร.กานต์สิรี จินดาปัณณาพัฒน์ 043-202-360 หรือ Kansji@kku.ac.th

ข่าว : ผานิต ฆาตนาค

ภาพ   :  สุกฤษฎิ์ สีฤทธิ์ นักศึกษาฝึกงานสาขา คอมพิวเตอร์กราฟิก เกมและอนิเมชัน วิทยาลัยเทคโนโลยีขอนแก่น

Scroll to Top