กลายเป็นประเด็นร้อนในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อเพจดังได้เผยแพร่โพสต์ผู้ป่วยที่แพทย์กำลังดึงพยาธิตัวตืดออกจากปากเพื่อทำการรักษา เนื่องจากมีอาการปวดท้องหลังรับประทาน ‘ซอยจุ๊’ มา จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์และความกังวลเป็นวงกว้างในสังคม วันนี้ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับความอันตรายและวิธีป้องกัน ‘โรคจากพยาธิตัวตืด’ ผ่านบทความนี้ ‘พยาธิตัวตืดส่วนใหญ่ที่เข้าไปในร่างกายคนจะมีอยู่ 2 ประเภท คือ พยาธิตืดหมู และพยาธิตืดวัว ที่ตัวอ่อนของพยาธิจะฝังอยู่ในเนื้อหมูหรือเนื้อวัว โดยมีลักษณะคล้ายเม็ดสาคู เมื่อคนรับประทานเนื้อดิบ ๆ ที่มีระยะตัวอ่อนนี้เข้าไป ภายในระยะเวลากว่า 2 เดือน พยาธิก็จะเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยอยู่ในลำไส้เล็ก โดยขนาดตัวเต็มวัยยาวประมาณ 2-7 เมตร ซึ่งพยาธิเหล่านี้จะมีลักษณะเป็นเส้นแบน สีขาวขุ่นคล้ายเส้นบะหมี่’ รศ.ดร.พรทิพย์ เหลื่อมหมื่นไวย์ รองหัวหน้าสาขาวิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวถึงที่มาของพยาธิตัวตืด เพิ่มเติมว่า หมูและวัวจะมีโอกาสได้รับพยาธิผ่านการกินเศษดิน เศษหญ้า หรือผักต่าง ๆ ที่มีการปนเปื้อนไข่พยาธิเข้าไปในตัว และพยาธิเหล่านี้ก็จะไปเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อน (cysticercus) ที่คล้ายเม็ดสาคูอยู่ในเนื้อหมูและเนื้อวัว เมื่อคนกินเนื้อหมูหรือเนื้อวัวที่มีระยะตัวอ่อนนี้ ตัวอ่อนจะไปเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยอยู่ในลำไส้เล็ก นอกจากนี้คนที่รับประทานผักสดที่ปนเปื้อนไข่พยาธิตืดหมู (เกิดจากการนำอุจจาระคนมาทำเป็นปุ๋ยสดหรือรดด้วยน้ำที่ปนเปื้อนไข่พยาธิ) ก็จะทำให้พบระยะตัวอ่อนหรือเม็ดสาคูในอวัยวะต่างๆเหมือนที่พบในเนื้อหมูได้เช่นเดียวกันทำให้เกิดโรคที่เรียกว่า cysticercosis รศ.ดร.พรทิพย์ ระบุอีกว่า ความอันตรายของไข่พยาธิตืดหมู คือ เมื่อมันเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์แล้วจะค่อย ๆ เติบโตเป็นตัวอ่อนหรือเม็ดสาคูพบได้ตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย