Khon Kaen University launches innovative research: ruminant supplements from medical plants to drive the livestock industry in line with the BCG approach to create a sustainable future

ทีมวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย ศ.ดร.เมธา วรรณพัฒน์ ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์  เปิดตัวงานวิจัยนวัตกรรม: อาหารเสริมสัตว์เคี้ยวเอื้องจากพืชทางการแพทย์ สู่การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปศุสัตว์ตามแนวทาง BCG” สร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์และการผลิตอาหารเสริมที่มีประสิทธิภาพสูงและต้นทุนต่ำ

 

จากความท้าทายสู่งานวิจัยสูตรอาหารเสริมสำหรับสัตว์เคี้ยวเอื้อง

ในอดีตที่ผ่านมา การนำสารสกัดจากพืชสมุนไพรมาใช้ในอาหารเสริมสัตว์ยังคงเป็นเรื่องใหม่ และต้องการการยอมรับจากเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ โดยต้องมีการวิจัยและทดสอบเพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย ตามข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ พบว่าการนำส่วนประกอบของกัญชา กัญชง และกระท่อมมาใช้เป็นอาหารเสริมสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม ถือเป็นเรื่องใหม่ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพืชกัญชง ที่มีโปรตีนสูงและสารอาหารกลุ่มให้พลังงาน กรดไขมันโอเมก้า 3 and 6 รวมถึงกรดอะมิโน 17 ชนิด ที่เด่นชัดคือ Glutamic acid, Leucine, Lysine และ Methionine

ศ.ดร.เมธา วรรณพัฒน์ ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
Assoc. Prof. Dr. Metha Wanpat, Department of Animal Science, Faculty of Agriculture, Khon Kaen University

ความท้าทายนี้ทำให้ ศ.ดร.เมธา วรรณพัฒน์ andทีมวิจัยจากภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เริ่มทำการวิจัยสูตรอาหารเสริมสำหรับสัตว์เคี้ยวเอื้อง โดยใช้สารสกัดจากกัญชา กัญชง และกระท่อม ซึ่งถือเป็นการวิจัยที่ยังมีนักวิจัยน้อยมากในแถบเอเชีย โดยมุ่งเน้นให้สัตว์ได้รับอาหาร ที่มีคุณภาพสูง ช่วยลดต้นทุนในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ และช่วยให้เกษตรกรลดค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสัตว์ และเพิ่มผลกำไร พร้อมทั้งช่วยลดการผลิตแก๊สมีเทนที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนด้วย

การวิจัยฯ ช่วยคงคุณภาพของอาหารเสริมและยับยั้งจุลินทรีย์ที่ผลิตแก๊สมีเทน

ศ.ดร.เมธา อธิบายว่า สัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น วัว ควาย แพะ และแกะ มีความสามารถพิเศษในการย่อยอาหารผ่านกระเพาะที่แบ่งเป็น 4 ส่วน โดยเฉพาะกระเพาะหมักที่มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หลากหลายชนิด แต่แก๊สมีเทนเป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น จึงได้มีการวิจัยสูตรอาหารเสริมสำหรับสัตว์เคี้ยวเอื้อง โดยนำสารสกัดจากกัญชา กัญชง และกระท่อม มาใช้ โดยใช้วิธีการสกัดสารในรูปแบบของผงและนำไปผ่านกระบวนการEncapsulation ด้วยChitosan from shrimp shells ซึ่งเป็นพอลิเมอร์ชีวภาพ ช่วยคงคุณภาพของอาหารเสริมและยับยั้งจุลินทรีย์ที่ผลิตแก๊สมีเทน

การใช้งานโดยชอบธรรม, https://th.wikipedia.org/w/index.php?curid=476839
การใช้งานโดยชอบธรรม, https://th.wikipedia.org/w/index.php?curid=476839

ส่วนกระบวนการแปรรูปหรือMicroencapsulation นั้น เราใช้การผสมสารสกัด กับสารละลายไคโตซาน แล้วนำเข้าเครื่องพ่นฝอยความร้อน (Spray-drying) ผลลัพธ์ที่ได้คือผงขนาดเล็ก ที่ยังคงคุณสมบัติของสารอาหาร โดยใช้สารสกัดกัญชา สารสกัดกัญชง และสารสกัดกระท่อมที่ผลิตได้ ผสมลงในอาหารข้นในอัตราส่วน 0.5 กรัม /กิโลกรัม (เป็นปริมาณที่จะไม่ส่งผลเสียต่อผลผลิต และความปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง)

 

การวิจัยสูตรอาหารเสริม ช่วยลดการปล่อยแก๊สมีเทนจากสัตว์เคี้ยวเอื้องถึง 70% ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม

สรุปได้ว่า สูตรในการให้อาหารเสริมคำนวนจาก วัวนม 1 ตัว ให้นม ประมาณ 15 ลิตร/ตัว/วัน เกษตรกรจะให้อาหารข้น 7-10 ก.ก./ตัว/วัน และใช้สารสกัดกัญชา กัญชง และกระท่อม ประมาณ 3-5 กรัม โดยเฉลี่ยแล้วเกษตรกร มีค่าใช้จ่ายสำหรับอาหารเสริม ประมาณ 5-10 บาท/ตัว/วัน ซึ่งการใช้สารสกัดกัญชา กัญชง และกระท่อม ในอาหารเสริมช่วยให้สัตว์มีสุขภาพดีขึ้น ผลิตเนื้อและนมได้มากขึ้น และช่วยลดการปล่อยแก๊สมีเทนจากสัตว์เคี้ยวเอื้องถึง 70% ซึ่งส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม

หลังจากการยื่นขอจดอนุสิทธิบัตรและได้รับอนุสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว ตามคำขอ 2403001724 สูตรอาหารเสริมสำหรับสัตว์เคี้ยวเอื้องที่มีผสมระหว่างสารสกัดกัญชา สารสกัดกัญชง และสารสกัด กระท่อมที่ห่อหุ้มสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ซึ่งงานวิจัยนี้เป็นกระบวนการทดลองแบบห้องทดลองหรือจำลองสภาพเหมือนจริง (In vitro) และกำลังขอทุนสำหรับการทดลองในสัตว์จริง (In vivo) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ ในปี 2568 – 2569

แม้งานวิจัยนี้จะมีความก้าวหน้า นักวิจัยที่เกี่ยวข้องการวิจัยในด้านนี้น้อยมาก

การวิจัยนี้สอดคล้องกับแนวทาง BCG (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มมูลค่าให้กับพืชสมุนไพร และการนำวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิต นอกจากนี้ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การวิจัยนี้จึงเป็นการผสมผสานแนวทาง BCG เพื่อสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์และการผลิตอาหารเสริมที่มีประสิทธิภาพสูงและต้นทุนต่ำ

แม้งานวิจัยนี้จะมีความก้าวหน้า แต่ยังมีนักวิจัยที่เกี่ยวข้องการวิจัยในด้านนี้น้อยมาก ทำให้การพัฒนาและการนำความรู้ใหม่ๆ มาใช้ประโยชน์ยังเป็นเรื่องที่ต้องการการสนับสนุนและการร่วมมือจากหลายฝ่าย อันจะนำมาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป

ลิงก์ผลงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์
1. https://doi.org/10.3390/antiox11112103 (การสกัดและการเตรียมผงห่อหุ้ม)  by Srisan Phupaboon, Maharach Matra, Ronnachai Prommachart, Ronnachai Prommachart,
Pajaree Totakul, Chanadol Supapong and Metha Wanapat
2. https://doi.org/10.5713%2Fab.23.0200 (สารสกัดห่อหุ้มกระท่อมในการศึกษา in vitro)  Maharach Matra, Srisan Phupaboon1, Pajaree Totakul, Ronnachai Prommachart, Assar Ali Shah, Ali Mujtaba Shah, Metha Wanapat

ในส่วนของการศึกษา in vitro ในสารสกัดห่อหุ้มในกัญชงและกัญชา ยังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจแก้ไข

ข่าวบทความ : เบญจมาภรณ์ มามุข
ภาพ : ทีมวิจัยจากภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น / การใช้งานโดยชอบธรรม, https://th.wikipedia.org/w/index.php?curid=476839 / https://pxhere.com/th/photo/670919

KKU Unveils Groundbreaking Research: Medicinal Plant-Based Supplements for Ruminants to Revolutionize the Livestock Industry with BCG Approach

https://www.kku.ac.th/18668

Scroll to Top