เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 เวลา 09.00–16.00 น. คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผนึกความร่วมมือกับ บริษัท ไทย-โกลบอล ออร์กานิค จำกัด ในโครงการวิจัยและพัฒนา “มันม่วงอบกรอบ” โดยใช้เทคโนโลยี Vacuum Fried เพื่อออกแบบขั้นตอนการผลิตและวางระบบ Production Line รองรับการใช้งานในระดับอุตสาหกรรมให้กับบริษัท SUPAWAT Group Sole Co., Ltd. ประเทศลาว ถือเป็นการต่อยอดองค์ความรู้สู่เชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม ต่อมา บริษัท SUPAWAT Group Sole Co., Ltd. ได้ติดตั้งเครื่องจักรและสายการผลิตตามแบบที่เสนอโดยคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การผลิตจริง ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อารยา เชาว์เรืองฤทธิ์ คณบดีคณะเทคโนโลยี พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.จันทิมา ภูงามเงิน นักวิจัยผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์มันม่วงอบกรอบ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบระบบเครื่องจักรภายในโรงงานแปรรูปผลไม้อบกรอบ SUPAWAT Group Sole Co., Ltd. เขตไซท้าย นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นอกจากนี้คณะนักวิจัยยังได้ให้คำแนะนำด้านการปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสม่ำเสมอของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนยกระดับมาตรฐานการผลิตให้พร้อมขยายสู่ตลาดอุตสาหกรรมอาหารในภูมิภาค
รองศาสตราจารย์ ดร.จันทิมา ภูงามเงิน รองคณบดีฝ่ายยุทธศาสตร์และสื่อสารองค์กร หลักสูตรสาขาวิชาเทคโนโลยีการอาหาร กล่าวว่า ความร่วมมือกับบริษัทเอกชนครั้งนี้ ตนได้รับมอบหมายจากท่านคณบดีคณะเทคโนโลยี ท่านคณบดีจึงส่งโจทย์มาให้อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอาหารรับผิดชอบ เพื่อขอความช่วยเหลือพัฒนาศักยภาพการผลิตมันม่วงอบกรอบ เนื่องจากเห็นว่าลาวมีวัตถุดิบทางการเกษตรอุดมสมบูรณ์ จึงต้องการแปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อเพิ่ม โดยเลือกใช้เทคโนโลยี Vacuum Fried ซึ่งแตกต่างจากการทอดปกติที่ใช้อุณหภูมิ 160-180 องศาเซลเซียส เทคโนโลยี Vacuum Fried นี้ใช้หลักการดึงบรรยากาศให้เป็นสุญญากาศทำให้จุดเดือดของน้ำมันลดลง จึงทอดที่อุณหภูมิต่ำเพียง 60-80 องศาเซลเซียส ส่งผลให้คงคุณค่าสารอาหาร และยังใช้น้ำมันน้อย คงสี กลิ่น รส ใกล้เคียงวัตถุดิบเดิม
รองศาสตราจารย์ ดร.จันทิมา ภูงามเงิน ยังกล่าวต่ออีกว่า “ดีใจที่องค์ความรู้จากห้องเรียนและห้องแล็บนำไปใช้ได้จริง เห็นพัฒนาการตั้งแต่การวางเครื่องจักร เป็นโรงงาน และกำลังจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคได้ใช้อย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตามโครงการนี้สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อทุกฝ่าย ทั้งเกษตรกรลาวที่มีรายได้เพิ่มขึ้น บริษัทที่ได้สินค้าแปรรูปมูลค่าสูง ประเทศลาวที่ได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนา และผู้บริโภคที่ได้สินค้าคุณภาพดีต่อสุขภาพ ทั้งนี้คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมให้ความช่วยเหลือทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน ไทยและต่างประเทศ ในการพัฒนานวัตกรรมด้านอาหาร โดยจะพิจารณาจับคู่นักวิจัยกับผู้ประกอบการตามความเหมาะสม สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของคณะในการสร้างนวัตกรรมเพื่อสังคมและขับเคลื่อนเชิงพาณิชย์”
ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนบทบาทของคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการผลักดันงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้วิสัยทัศน์ “องค์กรชั้นนำในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคมและเชิงพาณิชย์” ตอบโจทย์เป้าหมาย OKR24 ด้านความร่วมมือกับสถาบันในกลุ่มประเทศ GMS และสอดคล้องกับแนวทาง SDG2: Zero Hunger ในการสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน











