เมื่อวันที่ 19-20 เมษายน 2568 มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และสมาคมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 2/2568 พร้อมกับการประชุมสามัญสมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (สออ. ประเทศไทย) ครั้งที่ 1/2568 โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร ประธาน ทปอ. และอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยอธิการบดี คณะผู้บริหารจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเข้าร่วมกว่า 51 มหาวิทยาลัย กว่า 98 คน ณ ห้องสิริคุณากร 4 ชั้น 2 อาคารสิริคุณากร สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น
การประชุมครั้งนี้มีวาระสำคัญหลายประเด็น โดยเฉพาะการหารือเกี่ยวกับการจัดตั้ง “ศูนย์รับมือวิกฤต ทปอ. (CUPT Crisis Center: CCC)” ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางภายใต้ ทปอ. สำหรับประสานข้อมูลเชิงวิชาการในภาวะวิกฤต เชื่อมโยงข้อมูลจากมหาวิทยาลัยสมาชิกทั่วประเทศ เพื่อจัดทำฐานข้อมูลและวิเคราะห์สถานการณ์แบบองค์รวม พัฒนาทีมวิชาการเฉพาะกิจ ให้เป็นพลังสำคัญสนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงการใช้เครือข่ายมหาวิทยาลัยในภูมิภาคเป็น “แนวหน้า” โดยใช้ศักยภาพของมหาวิทยาลัยภูมิภาคที่มีความใกล้ชิดกับชุมชนในการสำรวจผลกระทบ และถ่ายทอดองค์ความรู้ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางช่วยเหลือและฟื้นฟูชุมชนหลังวิกฤต พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ CCC ด้วยข้อมูลภาคสนามที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน รวมถึงการจัดทำ “ระบบสื่อสารข้อมูลวิชาการในภาวะวิกฤต” เพื่อจัดทำบทวิเคราะห์สถานการณ์ (situation brief) ข้อเสนอเชิงนโยบาย (policy brief) และเอกสารวิชาการฉบับย่อ
รองศาสตราจารย์ นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวต้อนรับและแนะนำมหาวิทยาลัยขอนแก่นให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับทราบ
ภายในงานยังมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “บทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของสถาบันอุดมศึกษาในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอนาคตของประเทศไทย” โดย ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)
ทั้งนี้ ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเริ่มดำเนินงานเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2515 ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งสิ้น 36 สถาบัน มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Council of University Presidents of Thailand เป็นหน่วยงานอิสระที่ไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ มีพันธกิจในการดำเนินการด้านต่าง ๆ ได้แก่ การเพิ่มบทบาทการชี้แนะเชิงนโยบายแก่รัฐบาล และชี้นำชุมชนและสังคม การเร่งสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ การดำเนินกิจกรรมร่วมกันในโครงการพิเศษเพื่อส่งเสริมบทบาทของมหาวิทยาลัย และการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาล สังคมและชุมชน
